March 31, 2007

เรื่องเล่าของ Gareth Gates โดย BomB--Gates


ประเดิมค่ะ ประเดิมพี่ Nu'P เคยประกาศเย้วๆ เชิญชวนน้องๆ สมาชิกในบอร์ด FF>> แห่งนี้ของเราให้มาประลองฝีมือหัดคิดหัดเขียนกะเค้า ไม่ต้องคิดไปถึงไหนเลย ของใกล้ตัวเขียนถึงศิลปินที่เราชอบนี่แหละค่ะ ขอบอกว่าพี่เองก็แอบปลื้มแอบอ่านกระทู้ที่น้องๆโพสต์ในบอร์ด เก่งๆ กันทั้งน้าน มาพูดถึงเหยื่อรายแรกเลยขอประเดิมกันที่ น้อง BomB--Gates ที่ชื่นชอบนายฟันห่าง Gareth Gates คนนี้เอามั่กๆ สมาชิกเก่าๆ คงรู้จักน้อง BomB กันดีอยู่แล้วนะคะ หนุ่มเหนือน่าร้ากคนนี้เคยได้รับคัดเลือกงานเขียนลงคอลัมน์ Reader Review มาถึง 2 ครั้ง 2 ครา และนี่ก็คืองานเขียนล่าสุดที่น้อง BomB พูดถึง 1 ในศิลปินคนโปรดของเจ้าตัวที่กำลังจะมีซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มใหม่ออกมาในเดือนนี้พอดีเด๊ะๆ ใครอยากเขียนอะไรก็ส่งมาให้พี่พิจารณาให้ได้ตามเมล์ที่ blog นี้เลยค่ะ
>>>
Artist : Gareth Gates
Album : Pictures Of The Other Side
by: BomB--Gates
>>> หายหน้าหายตาไปนาน พร้อมข่าวคราวโดนปลดกลางอากาศ ความที่อัลบั้มสอง ทำยอดไม่ถึงที่ตั้งเป้าไว้ สงสารพ่อการะเกดเหลือเกิน ดีกรีเป็นรอง UK Idolแท้ๆ อีกทั้งยังได้แม่ Jordan นมโตมาเปิดบริสุทธิ์ให้มีราคีอีกต่างหาก กลับมาหนนี้ พ่อกระรอกน้อยของแม่ยก ขอเอาฐานแฟนคลับเก่าๆ กลับคืนมา ด้วยซิงเกิ้ลแรก Changes ที่จะวางขายกันในวันที่ 9 เมษายน ที่จะถึงนี้
.........................................................................
ซิงเกิ้ลแรก Changes ตามติดมาไล่เลี่ยพร้อมอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อเท่ๆ ว่า "Pictures Of The Other Side" ที่จะวางแผงกันในเดือนมิถุนายน
อัลบั้มนี้พ่อการะเกดได้ลงปากกาเขียนอยู่หลายเพลง แถมยังได้นักแต่งเพลงฝีมือดีอย่าง Sacha Skarbek (แต่งให้ James Blunt) และ Martin Terefe (James Morrison, KT Tunstall) มาร่วมงาน ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า เพลงแต่ละเพลงจะมีความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ เช่นเดียวกับซิงเกิ้ลแรก Changes เพลงนี้นอกจากเจ้าตัวจะเป็นคนจรดปากกาด้วยตัวเองแล้ว ยังมาเล่นเปียโนเพราะๆ หวานๆ ให้เราฟังกัน อีกทั้งยังออกมาภูมิใจนักหนา ว่าเพลงนี้น่ะ เป็นเพลงที่ดีที่สุดที่เคยทำมา พร้อมทั้งให้คำจำกัดความเพลงนี้ว่า คลาสสิค เสียนี่กระไร
.........................................................................
กว่า 3 ปีที่หายหน้าหายตาไป พ่อกระรอกน้อยนั้นโดนปลดออกจาก BMG เรียบร้อยโรงเรียน Idol เพราะยอดขายในอัลบั้ม Go Your Own Way ไม่ถึงเป้า ต่างจากอัลบั้มชุดแรก "What My Heart Want To Say" ที่ขายได้ถึง 3.5 ล้านแผ่นตามสไตล์เปิดตัวด้วยบารมีไอดอล...ปาดน้ำตาลุกขึ้นสู้จนได้มาอยู่ในสังกัดใหม่ Universal จนได้ จะว่าไป Gareth Gates เองก็เด่นไม่น้อยหน้า Will Young เพราะด้วยสถิติที่พ่อกระรอกทำมาก็ถือว่าอยู่ในระดับดี เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรก Unchained Melody ก็ขึ้นอันดับ 1 UK. Chart ตามด้วย Anyone Of Us (Stupid Mistake) ก็ขึ้นอันดับ 1 อีกทั้งยังไปร่วมร้องเพลงในเพลง The Long And Winding Road คู่กับ WillYoung ไม่พ้นอันดับ 1 อีกตามเคย แต่ซิงเกิ้ลนี้เป็นซิงเกิ้ลคู่นะมี Suspicious Mind ของพ่อการะเกดแปะไว้ด้วย งานคัฟเวอร์อย่าง Spirit In The Sky ที่ไปคัฟเวอร์วง The Beatles มา ก็ขึ้นอันดับ 1 อีก สรุปพ่อกระรอกน้อยมี 4 แผ่นที่ขึ้นอันดับ 1 นอกนั้นก็อยู่ในระดับท็อป 5 >> ทีนี้ถ้าไม่อยากให้พ่อกระรอกต้องระหกระเหินอีก แฟนคลับและแม่ยก ก็ช่วยอุดหนุนซีดีกันหน่อยนะจ๊ะ
.........................................................................

March 30, 2007

คอนเสิร์ตนอกมีมาให้ชื่นใจ Ronan Keating Live in BKK




ภาพแถลงข่าวคอนเสิร์ต “Nokia Nseries presents Sharing Discoveries with Ronan Keating Live in Bangkok”
##################################
!! หลังจากปล่อยให้รอ ร้อ รอ รอจนอุณหภูมิขึ้นไปถึง 41 องศา ตั้งตาตั้งตารอผู้จัดนำเข้าคอนเสิร์ตเจ้าเก่าบีอีซีเทโรอยู่เจ้าเดียว เมื่อไหร่จะมีคอนเสิร์ตนอกมาให้คอสากลลูกเมียน้อยอย่างเราๆ ได้ดูซะที ในที่สุดก็มีมาแล้วค่ะ ถึงคุณพี่คนนี้ อ๊ะ ขอเรียกว่าป๋าแล้วกันนะคะ Ronan Keating งัยค่ะ ป๋าแกเพิ่งจะมาครวญเพลงฟรีคอนเสิร์ตที่งานเปิดตัวคลื่น Met 107. ให้สาวไทยได้ชื่นฉ่ำอุราไปแบบใกล้ชิดเมื่อไม่นานมานี้เอง สบโอกาสออกทัวร์ ได้สปอนเซอร์เก๋เดิร์นแบบโนเกีย วันนี้ที่รอคอย ขออะไรก็ได้สักคอนเสิร์ตอิมพอร์ตมาให้ดูเถอะ กำลังจะเกิดขึ้นแล้วค่า
........................................................................
อ๊าย! อย่าเพิ่งมาอ๋งมาแอ๋เชียวนะคะ เพราะนี่....!!! คืออภิมหาคอนเสิร์ตครบรอบ 10 ปีในวงการของป๋าโร Ronan Keating เชียวนะคะคุณน้อง อีกอย่างป๋าแกน่ะ ขึ้นชื่อเรื่องเป็นหนึ่งในเจ้าพ่อเพลงรักโรแมนติก แน่นอนค่ะว่าครั้งนี้ หนูๆ เธอๆ จะได้ฟังเพลงโคตรฮิตไม่มีตกหล่นทั้ง When You Say Nothing At All, Life Is A Rollercoaster,Iris, All Over Again,If Tomorrow Never Comes เพลงสมัย Boyzone อย่าง Words, Baby I Can Hold You และอีกมากมายดูจากอัลบั้มรวมฮิต Ten Years Of Hits ที่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ค่ะ รวมถึงอัลบั้ม Bring You Home ที่ออกมาล่าสุดนี้ด้วย
................................................................................

อันว่าครั้งนี้ คือการจับมือร่วมกันระหว่าง บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด มหาชน และ โนเกีย เอ็นซีรี่ส์ (Nokia Nseries) ร่วมฉลอง 10 ปีในวงการเพลงให้ป๋าโรเค้า กับชื่อคอนเสิร์ตย๊าวยาวว่า “Nokia Nseries presents Sharing Discoveries with Ronan Keating Live in Bangkok” แฟนๆ ของ Ronan Keating รุ่นสาวน้อย และสาวออฟฟิศ เรามีนัดกันวันที่ 7 พฤษภาคมที่ โรยัลพารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน หรูซะ
...............................................................................................
ถ้ายังจำกันได้ปี 2546 Ronan เคยเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทยแล้วค่ะ ที่อินดอร์สเตเดี่ยม หัวหมาก ครั้งนั้นบัตรคอนเสิร์ตถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วค่ะคุณน้อง คอนเฟิร์มได้ว่าที่เต็ม บรรยากาศงี้อบอุ่นอย่าบอกใคร ไฟก็สวย แฟนๆ ร้องตามได้เกือบทุกเพลง ป๋าโรก็น่ารักสุดยอด ครั้งนั้นบัตรเท่าไหร่พี่จำไม่ได้ แต่ถูกกว่าครั้งนี้แน่นอน เพราะการกลับมาอย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ บัตรคอนเสิร์ตราคา 3000, 2000,1000 บาท และโอ้แม่เจ้า มีโกลด์แพ็คเกจ ราคา 4,000 บาท ที่มาพร้อมบริการค็อคเทล และที่จอดรถวีไอพีด้วยค่ะ ไฮโซซะไม่มี
……………………………………………………
มีภาพมาฝากว่ามาแน่ๆ จากงานแถลงข่าวที่จัดไปเมื่อวาน 29 มีนา บัตรจำหน่ายแล้วที่ ไทยทิคเก็ตมาสเตอร์ ทุกสาขา โทร 0-2262-3456 เอส เอฟ ซินีม่า ซิตี้ ทุกสาขา และไปรษณีย์ไทย 50 สาขา ทั่วกรุงเทพ และ ปริมณฑล มีส่วนลด 10% ให้ด้วยสำหรับคนที่ซื้อพร้อมฝาเบียร์สิงห์ 2 ฝา และ 15% สำหรับคนที่แสดงเครื่อง Nokia Nseries สปอนเซอร์หลักของงานนี้
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
คลิกไปดูความเห็นสมาชิก FF>>พูดถึงคอนเสิร์ตป๋าโร
ขอบคุณ บีอีซี-เทโร และน้องหญิงสำหรับข้อมูลค่า

March 29, 2007

Feist เจ้าของเพลง Inside And Out รีเทิร์นชุดใหม่




Artist : Feist
Label : Universal
ยังจำสาวคนนี้ได้อ๊ะเปล่า?? Feist สาวจากแคนาเดี้ยน ชื่อเต็มๆ ว่า Leslie Feist อดีตสมาชิกวง Broken Social Scene ท่ามกลางหนุ่มๆ ก่อนจะมาชิ่งเป็นเจ้าของโซโล่อัมบั้มเปิดตัวที่เป็นการผสมผสานระหว่าง jazz, bossa nova ,indie rock ออกมาในปี 2004 “Let It Die” ที่มีเพลงฮิตอย่าง Mushaboom , Let It Die (ประกอบโฆษณาน้ำหอม Lacoste) และเพลงหลอนๆ โดนเข้าจังๆ อย่าง Inside And Out ที่ทำให้เธอนี่แหละได้เป็นเจ้าของรางวัล Juno Award สาขา New Artist of the Year ในปีถัดมา
.............................................................................
บ้านเราถึงจะไม่ดังตูมตามถึงขั้นรู้จักหน้าค่าตาว่าสวยแปลกเหมือนน้ำเสียงที่ทำเอาใครหลายคนหลงรักอ๊ะเปล่า แต่เชื่อแน่ว่า Inside And Out ต้องเป็น 1 ในคอลเลคชั่นเพลงโปรดของหลายคนแน่ๆ และนี่ก็คืองานชุดที่ 2 The Reminder ที่นอกจากตัว Feist เองจะร่วมโปรดิวซ์รวมถึงได้มือดีอย่าง Gonzales, Renaud Letang และแทร็คสุดท้ายอย่าง How My Heart Behaves ก็ได้ Eirik จากวง King Of Covenience มาร่วมร้อง รวมถึงเพลงในอัลบั้มที่มีความหลากหลายในเรื่องของดนตรี บ้างก็สดใสปนหม่นในบางทีจากน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์
นี่คือพลพวงจากความสำเร็จในอัลบั้มชุดแรกที่ทำให้ Feistได้มีโอกาสออกทัวร์ทั้งในอเมริกาและยุโรปร่วมกับศิลปินอาทิ King Of Convenience และ Bright Eyes อันเป็นที่มาของการทำงานในอัลบั้มชุดนี้นี่เอง
.........................................................................................
ซิงเกิ้ลแรก My Moon My Man ก็มีมาให้ฟังแล้ว อัลบั้มมีขายที่บ้านเราชัวร์ปลายเมษานี้จ้ะ

March 22, 2007

เตรียมพร้อมต้อนรับอัลบั้ม-ฟังซิงเกิ้ลใหม่ Linkin Park





Artist : Linkin Park
Label : Warner Music
ใกล้ได้ฟังของจริงแบบกั๊กรูปกั๊กเพลงไม่ยอมเผยโฉมเข้ามาทุกที แบบไม่ปล่อยให้สาวกวัยรุ่นใจร้อนรอนานเหมือนโซโล่ของนาย Chester สำหรับสตูดิโออัลบั้ม No. 3 ของ Linkin Park ที่เตรียมปล่อยอัลบั้ม 'Minutes to Midnight' 15 พฤษภานี้แล้ว นาย Dave มือเบสบอก คุ้มกับที่ให้รองานใหม่เกือบๆ 4 ปี แน่ เช่นเคยกับทุกครั้งที่มีงานใหม่ออกมา LP ไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวังและช่างสรรหาอะไรใหม่ๆ ใส่เข้ามาอัพเดทงานเพลงของพวกเค้ามาโดยตลอดชุดนี้ก็เหมือนกัน ทางวงใช้เวลา กว่า 14 เดือน ในสตูดิโอ ปลุกปั้นคัดเพลงกว่า 100 เดโม จนมาเป็นอัลบั้มนี้ได้ Rick Rubin มาเป็นโปรดิวเซอร์ Co-produced โดยพี่ Mike Shinoda ที่บอกได้แค่ว่า ไม่ใช่ rap-rock ธรรมดาแน่นอน
............................................................................
ซิงเกิ้ลแรก 'What I've Done' พรีเมียร์อย่างเป็นทางการทั่วโลก 2 เมษานี้..."เราไม่เคยทุ่มเทกับชุดไหนเท่ากับอัลบั้มนี้เลย"...Dave มือเบสของวงกล่าว สำหรับชื่ออัลบั้มนี้ Mike Shinoda เล่าว่ามันมีความหมายเป็นนัยสองความหมายซ้อนกันอยู่ ..."ความหมายที่แท้จริงของมันก็คือการนับถอยหลังวันโลกาวินาศ การประกาศวันสิ้นโลก เป็นอุปมาอุปไมยถึงความตายและการเกิดใหม่ แต่อีกทางผมก็สื่อไปถึงบุคคลในวงการเพลงทั้งหลาย ประเภทหน้าไหว้หลังหลอกอย่างที่รู้ๆ กัน เราเขียนมันในวิธีที่ต่างออกไป ใช้เครื่องดนตรีและอุปกรณ์ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ตั้งแต่กีตาร์ยันแอมป์สไตล์ดั้งเดิมจนถึงเสียงเมลโลทรอนและดรัม แมชชีน รุ่น 808 ดั้งเดิมของ Rick Rubinที่ใช้ตอนงานชุดแรกของ Beastie Boys มาแล้ว เราพยายามตั้งคำถามในทุกๆ ความท้าทายตลอดกระบวนการสร้างสรรค์ดนตรี"... ซึ่งตัว Rick เองก็ชื่นชมกับงานชุดใหม่ของ LP เหมือนกัน ........"พวกเขาพยายามข้ามขีดจำกัดของตัวเอง มันจะไม่มีซาวด์แค่แร็พ-ร็อคอีกแล้ว พวกเค้ามีการเขียนเพลงที่แข็งมากๆ ตัวโน้ตพรั่งพรู...เป็นโปรเกรสซีฟ"... โปรดิวเซอร์มือทองแห่งยุคกล่าว
.........................................................................
เร็วๆ นี้ Linkin Park จะเปิดตัวซีรี่ส์เอ็บพีโสดทาง linkinpark.com ที่จะเจาะลึกความถึงเป็นมาที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน และกระบวนการผลิตอย่างเป็นขั้นตอนของงานชุดใหม่
สำหรับโปรแกรมในการกลับมาทัวร์นั้น LP มีกำหนดการขึ้นเป็นเฮดไลน์ในวันที่ 2 ของเทศกาล Bamboozle ในวันที่ 6 พ.ค. ที่นิวเจอร์ซีย์ ก่อนที่จะไปเป็นวงเฮดไลน์ในการทัวร์ที่ยุโรปต่อในเดือนมิ.ย. และในเดือนถัดมาทางวงก็จะเตรียมประกาศทัวร์ฤดูร้อนที่พวกเขาเรียกว่า "un-missable lineup" กันเลยทีเดียว
................................................................................................
"ผมรู้ว่าคำนี้ไม่มีในพจนานุกรม แต่ความยิ่งใหญ่ของมันก็ควรค่ากับการสร้างศัพท์เฉพาะให้กับมันก็แล้วกัน" Shinoda กล่าวอย่างมั่นใจ
"The drums are much more raw, the guitars are more raw and the vocals aren't tripled. It's just us out there ... and that's how Rick wanted it." .....Chester said that the song would be different from previous Linkin Park songs
.............................................
>>>>>>>>>>>>>>>>>>
>>>>>>>>>>>>>>>>>>
.............................................
ดาวน์โหลดซิงเกิ้ลใหม่สุดฮ็อตจาก LINKIN PARK
เพลงใหม่“WHAT I’VE DONE” (Hook)
---------------------------------
True Tone พิมพ์ LP1 ส่ง SMS ไปที่ 480788 ทุกระบบ
----------------------------------
“WHAT I’VE DONE” (Intro)True Tone...
พิมพ์ LP2 ส่ง SMS ไปที่ 480788 ทุกระบบ
---------------------------เสียงเพลงรอสาย
AIS กด *78956610297 แล้วกดโทรออก...
DTAC กด *119920900506348 แล้วกดโทรออก
True Move กด *88810460301 แล้วกดโทรออก
----------------------------------
ลูกค้า AIS ฟังเพลงใหม่และดู Clip FREE ก่อนใคร เพียงกด *229*222# แล้วกดโทรออก
----------------------------------
เนื้อเพลง
In this farewell,
There is no blood
There is no alibi
Cause I've drawn regret
From the truth
Of a thousands lies
So let mercy come and wash away
.....................
What I've Done
I'll face myself
To cross out what I've become
Erase myself and let go of what I've done
........................
Put to rest, What you thought of me
Well, I clean this slate
With the hands,
Of uncertainty
So let mercy come,
And Wash away
........................
What I've Done
I'll face myself
To cross what
I've become
Erase myself
And let go of what I've done
......................
For what I've done
I start again
And whatever pain may come
Today this ends
I'm forgiving what
I've done
......................
I'll face myself
To cross out what I've become
Erase myself
And let go of what I've done
(Na,Na,Na)
......................
What I've Done
What I've Done
Forgetting what I've done
>>>>>>>>>>>>>
ข้อมูลจาก Warner Music
เพิ่มเติมและเรียบเรียงโดย FF>>

รู้จัก สาวพ็อพเสียงโซล Amy Winehouse






Artist : Amy Wine House
Label : Universal

2 ปีจากงานอัลบั้มชุดก่อน Frank กับยอดขายระดับแผ่นเสียงทองคำขาว เป็นการประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอคือหนึ่งสาวที่มีเสียงร้องที่เก๋-แปลก-แตกไปจากเพลงพ็อพดาษๆทั่วๆ ไป นั่นคือการผสมผสานที่สุดยอดของความเป็นแจ็ส-โซล แต่แฝงไว้ด้วยอารมณ์สนุกสนาน หลายคนเปรียบเสียงร้องของ Amy ว่าเหมือนกับ Aretha Franklin เช่นเดียวกับเพลงเปิดตัวอัลบั้มนี้ "Rehab” นั้น ใส่มาเต็มที่ทั้งอารมณ์และความรู้สึกโดนใจได้อย่างน่าประหลาด
………………………………………………………………………………………….
"ฉันรู้สึกเบื่อกับคอร์ดดนตรีที่ซับซ้อน อยากให้มันตรงๆ ไม่ต้องยุ่งยาก ได้ฟังกลุ่มผู้หญิงยุค 50s-60s แล้วรู้สึกชอบกับอะไรที่ดูสบายๆ ง่ายๆ ตรงจุด ฉันก็เลยเริ่มคิดเขียนเพลงในแนวทางนั้นค่ะ ซึ่งถ้าคุณลองได้ฟังช่วงต้นของอัลบั้มอาจทำให้นึกไปถึง The Supremes เลยก็ได้”
………………………………………………………………………………………….
Amy Winehouse หรือ Amy Jade Winehouse สาววัย 24 คนนี้ เป็นนักเล่าเรื่องผ่านบทเพลงตัวยง การเขียนเพลงเปรียบได้กับบันทึกประจำวันของเธอเลยทีเดียว
………………………………………………………………………………………….
“มันเหมือนเป็นการระบายค่ะ ถ้าฉันไม่ได้ใช้วิธีนี้ในการส่งผ่านประสบการณ์ออกไปล่ะก็ มันรู้สึกเหมือนกับสูญเสียอะไรบางอย่าง”
………………………………………………………………………………………….
ซึ่งไอ้คำว่าสูญเสียในภาษาของ Amy เนี่ย ก็น่าจะหมายถึงการสูญเสียความโดดเด่นของความเป็นโซลไปด้วยพร้อมๆ กันนั่นเอง
………………………………………………………………………………………….
เรื่องของความรักสามเส้าที่ยังคงตราตรึง เรื่องราวของแฟนเก่าที่จะเสียเวลาไปนึกถึงทำไม กับการนึกถึงคนใหม่ที่มีชื่อสักอยู่หน้าอกด้านขวา ความเจ็บปวดจากการอกหัก ความสุขกับรักครั้งใหม่ บางครั้งก็ทำให้คนเรารู้สึกผิดกับเรื่องราวเหล่านี้ที่ยังเก็บไว้อยู่กับตัวเองตลอดเวลา คือเรื่องราวบอกเล่าในเพลงอย่าง ‘I’m No Good’ ความรู้สึกเมื่อมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น เราเลือกที่จะโยนมันทิ้งไป แล้วหลุดออกมาได้จริงหรือ คือที่มาของเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม Back To Black แต่ Amy ก็ยังเป็นสาวเก่งมีอารมณ์ขัน เฮฮาปาร์ตี้กับการที่มีหนุ่มๆ แวะเวียนมาหาที่บ้าน
………………………………………………………………………………………….
ความกล้าในการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเอง ด้วยวัยแค่ 22 แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะถ่ายทอดเรื่องราวแย่ๆ แรงๆ ให้มันดูเป็นเรื่องธรรมดา Amy เป็นคนสนุก และแค่คิดว่าชีวิตก็มีทั้งสุขและเศร้าที่หลายครั้งมันก็เกิดขึ้นพร้อมๆ กันซะด้วยซ้ำ
………………………………………………………………………………………….
กว่า 3 สัปดาห์ในสตูดิโอ และในการค้นพบแนวทางใหม่ๆ สำหรับการทำงานในอัลบั้มชุดนี้
“คือฉันไม่ได้มั่นใจว่าซาวนด์จะออกมาสมบูรณ์แบบขนาดนี้ แต่เท่าที่รู้ ผลที่ออกมามันเป็นอย่างที่ฉันคิดและก็อยากให้เป็นเลยล่ะ” อยากรู้จักไฝเอมี่มากกว่านี้ คลิกไปลิงค์ข้างล่างเลยจ้ะ

………………………………………………………………………………………….

Back to Black release 30th October, 2006

#1 (UK) #3 (IRE) #7 (US) #19 (Australia)3x Platinum

เว็บไซต์ www.amywinehouse.co.uk

คลิกไปฟังเพลงที่ my space

ข้อมูลจากพีอาร์สาวสุดเท่ Universal Music

Forwardmag เรียบเรียง

Kaiser Chiefs ความสำเร็จอีกครั้ง #1UK. Ruby



Artist : Kaiser Chiefs
Label : Universal
2 ปี ผ่านไปหลังความสำเร็จเกินคาดกับวงอินดี้ร็อคคลื่นลูกใหม่จาก Leeds ที่ฟอร์มวงกันขึ้นเมื่อปี 1997 อัลบั้ม Employment ของพวกเค้าทั้ง 5 ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมากตามนิตยสารร็อคทรงอิทธิพลไม่ว่าจะ The Guadian , NME , Rolling Stone , Spin สถานีวิทยุให้การต้อนรับเพลงของพวกเค้าหยิบมาพูดถึงจนโดนไปทุกที่ทั่วโลก นั่นจึงเป็นเหตุผลให้อัลบั้ม The Employment สามารถอยู่บนชาร์ท Top 40 ของอังกฤษได้นานกว่า 18 เดือน
......................................................................................
ปี 2005 จึงเป็นปีแห่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของวงดนตรีเล็กๆ ชื่อ Kaiser Chiefs ที่ครั้งหนึ่งเคยมีเพลงเปิดอยู่แค่ตามที่เที่ยวเล็กๆ วิทยุ ทีวี พูดถึงตามหน้าหนังสือบ้างประปราย กระทั่งพวกเค้าได้ปล่อยเพลง ‘Oh My God’ ในเดือนกุมภา ตามด้วย ‘I Predict The Riot’ ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จ และใครๆ ก็พูดถึงวงอย่าง Kaiser Cheifs ว่าไม่ใช่วงที่ดังด้วยแรงโปรโมทจากค่ายเพลง แต่โด่งดังได้ด้วยลีลาการแสดงสด 75 นาทีต่อหน้าแฟนๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังทุกครั้งต่างหาก สิ่งนี้ได้รับการยืนยันด้วย 3 รางวัล Brit Awards 1 ในนั้นคือรางวัล “วงที่แสดงสดได้ยอดเยี่ยม”
........................................................................................
ซิงเกิ้ลต่อมา ‘Modern Way’(#11 UK.) และการกลับมา re-released อีกครั้ง ขึ้นถึง #9 UK. ของเพลง ‘I Predict A Riot’ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการทำงานอย่างหนัักตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ว่าจะเป็นวงเปิดให้กับทัวร์ของนิตยสาร NME ทัวร์ร่วมกับ Bloc Party, The Futurehead ,The Killers ส่งผลให้ 12 เดือนต่อมา อัลบั้มของ Kaiser Chiefs สามารถขายได้มากกว่า 1 ล้านในอังกฤษ 3 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก
………………………………………………………………………………………………….
ในขณะที่ความสำเร็จบทแรกยังไม่ยุติดีนัก Kaiser Chiefs ตระเวนแสดงในเทศการดนตรีใหญ่ๆ อย่าง Reading, Leeds, T In the Park ,Oxygen ช่วงหน้าร้อนของปี 2006 เป็นการส่งท้าย ขณะเดียวกันพวกเค้าก็ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันในการทำอัลบั้มชุดที่ 2 ต่อเนื่องจากความสำเร็จของอัลบั้มชุดแรก และการทัวร์นี่เองที่ทำให้ Kaiser Chiefs มีเพลงใหม่ๆ อยู่ในมือมากมาย ให้ได้ลองเล่นทดสอบขณะเดินสายทัวร์ บางส่วนก็ได้เขียนและซ้อมกันที่ลีดส์บ้านเกิด โดย 22 เพลงใหม่ที่จะต้องมาทำการคัดเลือกอีกทีนี้จะได้รับการบรรจุอยู่ในอัลบั้มชุดที่ 2 ซึ่งมีชื่อว่า ‘Yours Truly, Angry Mob’ ซิงเกิ้ลแรกแน่นอนว่าโดนใจคอบริทร็อคกันไปถ้วนหน้ากับเพลงชื่อจำง่ายสำหรับคนไทยว่า “รูบี้” อันว่า Ruby นี้ไม่ธรรมดาอีกเช่นเคย ขึ้นอันดับ #1 UK. ตอบบทพิสูจน์ของการกลับมาครั้งนี้ได้อย่างสวยงามจริงๆ
.................................................................................
ข้อมูลจากพีอาร์สาวสุดเท่ Universal Music
Forwardmag เรียบเรียง

**********************************
Kaiser Cheifs (ไคเซอร์ ชีฟส์):
: Alternative / New Wave / Pop Punk
...................................................................
Ricky Wilson ร้องนำ
Nick Hodgson กลอง-ร้อง
Andrew “Whitey” White – กีตาร์
Simon Rix - เบส
Nick “Peanut” Baines - คีย์บอร์ด

March 20, 2007

เพอร์เฟคนมของผู้ชายล่ำๆ Orlando Bloom




ต๊ายยยย!ไม่เกี่ยวกับเพลงเลยค่ะ เอาเป็นว่ามาดูของเฟิร์มๆ ที่หลายเสียงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคุณพี่เดปห์ แต่ความจริงแล้วคือแฟชั่นเซ็ทสุดสะท้านของนายโด้ บลูม อกบานสะพรั่งใน VMAN Magazine เจ้าค่ะ

March 16, 2007

Fall Out Boy กลับมาอีกครั้งอัลบั้มใหม่ Infinity On High






Label : Universal

ขณะที่ Pete Wentz มือเบสของวง เดินขึ้นไปรับรางวัล MTV Awards จากเพลง Sugar We’re Going Down เขาคิดอยู่อย่างเดียวว่า “อย่าหลุดคำหยาบออกมานะเฟ้ย” จากนั้นไม่นาน Fall Out Boy ก็มีชื่อเข้าชิง Grammy Awards สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และชื่อของพวกเค้าก็ไม่หยุดแค่นั้นกับ Teen Choice Awards อีก 3 รางวัล และซิงเกิ้ล Dance Dance ก็คว้ารางวัล MTV Music VDO Awards สาขาเพลงที่ได้รับเลือกจากคนดูมากที่สุด และยังเข้าชิงในสาขามิวสิควิดีโอศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยมอีกด้วย แหม ก็นาย Pete ได้ใจสาวไทยกรี๊ดกันซะขนาดนั้นนี่นา
..................................................................................
แม้จะประสบความสำเร็จมากมายสร้างชื่อจากอัลบั้มชุดที่แล้ว หนุ่มๆ วงนี้ก็ยังยึดถือแนวทางในการทำเพลงแบบตัวเองอย่างเหนียวแน่น ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเอาซะเลย แต่นั่นคือการทำเพลงในแบบที่พวกเขารักและไม่ได้ทำเพียงเพื่อเอาใจกระแสเท่านั้น Wentz กล่าว “ ผมไม่ได้ถือว่าดนตรีเป็นอาชีพ แต่เป็นอะไรที่มันมีส่วนกระทบถึงคุณ” เฉกเช่นเสียงกรี๊ดต้อนรับของแฟนๆ นับพันเวลาที่พวกเขาขึ้นเวทีนั่นไง Patrick Vaughn Stumo นักร้องนำและมือกีตาร์ย้ำว่า เขาไม่ชอบที่คนมักจะมองว่างานดนตรีเป็นที่หาเงินมากกว่ามองว่ามันเป็นงานศิลปะ
..................................................................................
ความสำเร็จจาก From Under The Cork Tree ไม่ได้ทำให้หนุ่มๆ กลุ่มนี้ได้ใจ หรือกร่างแต่อย่างใด แต่ยังคงเต็มที่กับงานชุดใหม่ ในส่วนของชื่ออัลบั้ม Infinity On High นั้น มีที่มาจากจดหมายที่ Vincent Van Gogh จิตรกรชื่อดังเขียนถึงน้องชายในปี 1888 ในจดหมาย Van Gogh บรรยายถึงพลังงานของเขาที่ถูกสูบฉีดเข้าไปในเนื้องานซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากใบตรวจโรคของเขา โดยเฉพาะประโยคที่กล่าวว่า “ให้ระวังดวงดาวและท้องฟ้าที่สูงขึ้นไปไม่มีที่สิ้นสุด และนั่นเองที่ชีวิตจะดูเหมือนมีเสน่ห์อันน่าหลงใหล”
..................................................................................
ซิงเกิ้ลแรก “This Ain’t A Scene, It’s an Arms Race” เพลงชื่อยาวๆ กับคอรัสที่เป็นการร้องแบบพั้งก์ร็อคสุดโต่งบวกกับจังหวะดนตรีที่กระแทกกระทั้นขนาดทำผงกหัวและกระทืบเท้าไปพร้อมๆ กันได้ Wentz อธิบายว่า นั่นคือกลิ่นอายของดนตรีฟั้งก์ยุค 70 มิกซ์กับ Take This To Your Grave เพลงในปี 2003 ของพวกเขาที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน American Music Awards จากนั้นไม่นานก็ไต่ขึ้นชาร์ต Billboard Pop 100 airplay ทันที
..................................................................................
ชุดนี้ยังคงเป็นโปรดิวเซอร์คนเดิม Neal Avron ที่ทำให้ชุดที่แล้ว ที่แปลกก็คือการร่วมงานกับ Babyface โปรดิวเซอร์ R&B ชื่อดัง ที่ส่งผลให้ต้องร้องด้วยพลังเสียงสูงและกว้างมีความเป็นโซลมากกว่าเดิม ไอเดียของอัลบั้มนี้ก็คือใครที่ซื้อไป จงเอามันกลับบ้านแล้วเปิดฟังซะท่ามกลางความมืดมิด
“พวกเรารักเพลงทุกเพลงที่เราเล่น และบางครั้งมันก็ทำให้เรารู้สึกว่า มันถ่ายทอดถึงคนฟังได้อย่างจริงใจ นี่แหละคือตัวตนของพวกเราที่เป็นมาโดยตลอด เรารู้สึกเป็นหนี้แฟนๆ และจะต้องให้สิ่งดีๆ กลับคือแก่พวกเขา” …Wentz กล่าวทิ้งท้าย
..................................................................................
ข้อมูลจาก Universal เรียบเรียงโดย FF>>
..................................................................................


March 13, 2007

น้องหนู Hilary Duff กับงานใหม่ "เล่นกับไฟ"






Label : EMI
ถ้านับกันที่สตูดิโออัลบั้ม หนูๆ นุ่ง ที่ที่มิใช่แฟนคลับป้าดัฟเป็นต้องอึ้ง เพราะออกมา 5 ชุดแล้วค่ะ ทั้งรวมฮิตเอยซานต้าเอย แต่ถ้านับกันที่งานเพลงแบบเต็มๆ ล่ะก็ เจ้าอัลบั้มที่เรียกขานว่า “Dignity” ชุดนี้ ชุดที่ 3 แล้วนะคะ ยังงงอยู่เลยว่าต้นปีนี้ คุณพี่เองเพิ่งไปดูหนังเรื่อง Material Girls ที่คุณน้องแสดงกะคุณพี่ร่วมสายเลือดคางยาว Haylie Duff อูย์ตอนนั้น...น้องดัฟท์เธอกะลังเป็นข่าวเลิกกะพ่อแฟนหนุ่มพั้งก์ Joel Madden ที่โผล่มาในเรื่องพร้อมเจ้า Benji ดอดมาขโมยรถของสองศรีพี่น้องอยู่พอดีเชียว โฮ่ะๆ ไม่อยาดจะเซ่ด หนังคุณน้องเข้าโรงเฟิร์สคลาสในโรงหนังบ้านเราด้วยนะคะ ไอ้พี่ก็ได้บัตรฟรีอภินันทนาการเลยตีตั๋วเข้าโรงดูแบบไม่คิดมากพอดี... และก็อย่างว่าล่ะคะ จากการดูหนังน้องดัฟที่ผ่านมา พี่ๆ FF>> ขอแนะนำว่า !!!! รอให้เป็น DVD ซะก่อน แล้วค่อยเช่ามาดูกันเพลินๆ นะคะหนูขาาาา หนังของดัฟทุกเรื่องก็จะได้แค่นี้ล่ะค่ะ เพลงก็เหมือนกัน..
………………………………………………………………………………………………..
Oop! ทิ้งไว้ประโยคข้างบนสุดท้าย แหม๋! พิมพ์เพลินไปหน่อย โฮ่ะๆ ซิงเกิ้ลแรกของสาวดัฟอัลบั้มนี้ คือ "Play with Fire" เจ้าค่ะ จำได้ว่าวันไปนั่งฟังต้นสังกัดเค้าพรีเมียร์เปิดเอ็มวีให้ดู พี่ๆ หลายสื่อดูจะงงเต๊ก กลืนน้ำลาย อึ้งกับทุกสิ่งที่เปลี่ยนไป๋ตั้งแต่หัวจรดเท้านับแต่วันที่น้องดัฟริมีแฟนพั้งก์ก็ว่าได้
............................................................................................................................
ซิงเกิ้ลนี้นะคะ ขอบอกว่าไม่เข้าชาร์ตบิลบอร์ดแต่กลับไปโผล่ขึ้นถึงอันดับ #31 ใน Dance/Club Chart เฉยเลย ส่วนซิงเกิ้ล 2 "With Love" นี่ ถูกใช้ประกอบโฆษณาน้ำหอมของคุณน้องตัวใหม่ ชื่อ With Love ที่ออกมาตั้งแต่กันยาปีที่แล้วด้วยล่ะค่ะ ปูโปรโมทมันทุกทางทั้งหนังทั้งสินค้า กำหนดวาง 3 เมษานี้ที่อเมริกา คาดว่าแฟนๆ คงช่วยกันซื้อหาดันให้เข้าบิลบอร์ดอัลบั้มที่อันดับ 1 อีกตามเคยถ้าไม่เลิกชอบหนูดัฟเวอร์ชั่น “วัยรุ่น หน้าป้า เดี๋ยวนี้หุ่นดี แต่ไม่มีอะไรให้โชว์” ไปซะก่อน
........................................................................................................................................
ชุดนี้ดัฟอัพเกรดตัวเองจากที่เคยร่วมงานกับคนเคยรัก-คู่แฝดที่มาช่วยเขียนเพลงช่วยโปรดิวซ์ในงานชุดที่แล้วค่ะ ขอเสนอตัวด้วยการ co-written ร่วมแต่งเพลงกับ Kara DioGuardi (ทำเพลงให้กับ Gwen Stefani, Pussy Cat Dolls, Enrique Iglesias, Kelly Clarkson) , Chico Bennett & Richard Vission (Madonna, Usher, Killers), Tim & Bob (Nas, Madonna, Jennifer Lopez), Vada Nobles (Rhianna, Lauryn Hill, Faith Evans, Natasha Bedingfield, Warren G), Fredwrecke (Snoop Dog, Eminem, Fergi) ต๊าย! มีเกาะติดกระแสคุณพี่ will.i.am. ที่กำลังฮ็อตเหลือหลาย ก็ซื้อตัวมาทำเพลงให้ด้วยนะคะ
........................................................................................................................
ดัฟบอกว่าชุดนี้ "more dancey" ค่ะเพื่อนๆ มีจังหวะคึกคัก มีเพลงให้ขยับตัวกันมากขึ้น (ดัฟจะได้ไดเอทไปในตัวงัยคะ) เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับดัฟมากๆ fun and funky และก็ cool มากค่ะ ตัวเพลงก็จะเป็นพ็อพ-ร็อค-อิเลคโทรนิกส์ซาวนด์นะคะเพื่อนๆ
..............................................................................................................................
มาว่ากันถึงเรื่องที่ว่ากันว่า เพราะน้องดัฟเธอไม่ยอมให้พี่ Joel พรากพรมจรรย์หรือเปล่า? อุตส่าห์ทนทู่ซี้คบกันตั้ง 2 ปี อยู่ดีๆ พี่เค้าก็มาสลัดคุณน้องทิ้ง หันไปคว้าสาวแห้งสเปคโด๊ะๆ เลยแบบยัย Nicole Richie ประชดซะงั้น อย่างที่ทราบค่ะ ว่าก่อนหน้านี้ น้องดัฟคบ Aaron Carter อยู่ปีครึ่ง จากนั้นก็รักษาโลมเลียแผลในใจที่ถูกเพื่อนค่ายเดียวฉกตัวไป มาคบกับคุณพี่นักร้องนำวง Good Charlotte - Joel Madden ให้ฮือฮากันด้วยแรงเม้าธ์ว่ายังไงน้องดัฟก็ไม่เหมาะกับหนุ่มพั้งก์แน่ๆ ฟันธงโช๊ะๆ คบกันไปมาได้ปีนึงละ จู่ๆ แมกกาซีนอย่าง ELLE ก็ quoted คำพูดของน้องเค้าเรื่องเวอร์จิ้น น้องดัฟพูดกลายๆ บอกใบ้ว่าตัวเองยังเวอร์จิ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าหนูนั้นเซ็กส์ตายด้าน ไม่อยากมีเซ็กส์หรอกนะคะ เพราะเพื่อนๆ ของหนูก็ไม่เหลือจิ้นกันไปหมดแล้ว แต่....มันยังไม่ถึงเวลาสำหรับหนูค่ะพี่ ต๊ายยยยย!!!! กลายเป็นหัวข้อให้เม้าธ์กันมันส์ถึงกับคุณน้องต้องมาแก้ข่าวกับ MuchMusic ภายหลัง ว่าหนูป่าวพูดนะคะ เล่มนั้นน่ะเค้าบิดเบือนคำพูดของหนูไปเอง แต่ๆๆๆๆ 4 เดือนหลังจากนั้นสิคะคุณน้อง พี่ Joel ก็ดันทิ้งหนูไปซะงั้น play with fire เล่นกับไฟ สมชื่อเพลงเปิดตัวจิ๊งๆ

March 9, 2007

Avril Lavigne คัมแบค The Best Damn Thing













Label : SONY & BMG




>>แฟนนานุแฟนที่ได้ฟังซิงเกิ้ลเปิดตัว “Girlfriend” ของสาววีนระดับชาติ เข้าใจยากนางนี้ อ๋อ! ใช่สิคะ เธอเป็นนางไปแล้ว แต่งงานมีสามีไปแล้วก็ยังมาร้องเฮ้ๆ เย่ๆ โนเวย์ กระชากวัย กระชากลุค แรงซะกว่าอีตอนออกอัลบั้มแรกก็ไม่ปาน
………………………………………………………………………………………………………
>> โถๆ น้องวีนขา หนูจะหวาน อยากร้องเพลงให้ตรงกะความอยากของตัวเอง ให้มันได้แบบ Keep Holding On ซาวนด์แทร็คหนัง Eragon ที่แฟนๆ สุดจะปลื้ม พี่ก็ไม่ว่า เอาเป็นว่าปล่อย วิ่วเธอ เย้ๆ I don’t like your girlfriend กร่างเป็นสาวน้อยพั้งก์ร็อค กลับคำยอมนุ่งกระโปรงไปเถอะนะคะ แบบว่าอัลบั้มนี้เธอมาด้วยคอนเส็ปต์ หวาน เท่ ชมพู-ดำ คงไว้ซึ่งสถาบัน Princess of Punk ต่อไป อยากรู้ว่าเป็นยังไง ตามไปที่ my space ดูได้
………………………………………………………………………………………………………
>> ขอบอกว่าไอ้ลุคใหม่เนี่ยย!! ถ้าไม่ติดคำว่าแต่งงานแล้ว และนี่มันชุดที่ 3 แล้วนะยะเธอจ๋า อุ๊ย! พี่ชอบม้ากค่ะ แฟนๆ ก็ปลื้ม กรี๊ดกร๊าดตามๆ กัน ช่วยกันลืมๆ ไปหน่อยละกัน ว่าตอนอายุ 21 วันที่ 15 เดือนกรกฎา 2006 คุณน้องเธอสวมชุดตามกระแสเจ้าแม่ดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานดาราฮอลลีวู้ดของ Vera Wang เข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าว Deryck Whibley จากวงพั้งก์ร็อค Sum41 สมใจอยากพั้งก์ ในชุดสูทของ Hugo Boss แพงหูดับเช่นกัน เต้นรำในเพลง Iris ของ Goo Goo Doll ในงานแต่งแบบไปรเวท แค่นั้นยังไม่พอค่ะ มีขายแพคเกจภาพแต่งงานให้กับ Hello mag ตามอย่างคนดังฮอลลีวู้ดทั่วไปที่เค้าทำกันด้วย
………………………………………………………………………………………………………
>> ก็อย่างว่าอ่ะนะ เพียงแค่ได้ยินซิงเกิ้ลแรก Girlfriend จากอัลบั้มที่ตั้งชื่อได้สะใจ ไม่ทิ้งลาย Lavigne ว่า
"The Best Dam Thing" ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภา อัลบั้มกำหนดวาง 17 เมษา ความที่ให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่แต่งงานใหม่ๆ ว่าชุดใหม่ที่วีนทำอยู่เนี่ย ไม่ได้มีแต่เรื่องความรักแบบหวีดวิ่วอะไรหรอกนะคะ เพลงออกจะเฟคเอ้ย เนื้อหาเรื่องราวก็ยังเป็น Avril คนเดิมที่โตขึ้นนี่แหละค่ะ วีนมั่นใจมากว่า ทุกคนต้องหลงรักงานเพลงชุดนี้ ไม่แพ้ 2 ชุดที่แล้ว Let Go (2002) และ Under My Skin (2004) ที่ขายไปมากกว่า 32 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก (แกรมมี่ยังไม่ได้สักตัว มีแต่ชื่อเข้าชิง)
………………………………………………………………………………………………………
>> มาว่ากันถึง The Best Damn Thing ชุด 3 นี้ ได้รายนามตามกันมาช่วยโปรดิวซ์ทั้งชื่อเจ็บระดับ Butch Walker หรือแม้กระทั่งสามีของวิ่วเอง Deryck Whibley ก็มาช่วยคลำ Rob Cavallo (ที่ทำให้กับ Green Day, The Goo Goo Dolls, My Chemical Romance, Jewel) นี่ก็เริ่ด ชื่อแปลกหูหน่อยก็ Dr. Luke (ที่ทำเพลง Keep Holding On งัยล่า) และก็ตัววิ่วเองด้วย อ๊ะ!!! ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้ ต้องใส่เครดิตตัวเองนิดนึง นอกจากนี้ คุณพี่ Travis Barker จาก Blink-182 ยังมาตีกลองบันทึกเสียงให้กับงานชุดนี้ด้วยนะ
………………………………………………………………………………………………………
>> มาว่ากันที่รายละเอียดของงานชุดนี้ วิ่วกลับคำอีกแล้วค่า บอกว่างานชุดนี้ มีใส่เพลงรัก เรื่องราวความรู้สึก ณ ช่วงเวลาที่ทำเพลงตอนนั้นเข้ามาด้วย และเธอก็เอนจอยสะระตี่ที่ได้เขียนเพลงกับ Butch Walker ม๊ากมาก ชุดนี้ใส่มาอึ๊ดถึง 15 แทร็คด้วยกัน ชุดนี้ขอฟันธงว่า “Fun and Cool” วิ่วคิดว่าเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดเท่าที่วิ่วทำมาเลยนะคะ วิ่วมั่นใจค่ะ อีกทั้งเพลงในอัลบั้มยังเหมาะและลงตัวมากๆ กับการขึ้นเล่นคอนเสิร์ตด้วย ก็เพราะมีทัวร์ครั้งที่แล้วเป็นแรงบันดาลใจให้วิ่วอยากได้เพลงที่เหมาะกับการแสดงสด ก็เพราะเธอเน้นย้ำว่าเธอเป็นศิลปินที่เน้นทัวร์เป็นหลัก และใช้ชีวิตอยู่กับการไลฟ์ทัวร์คอนเสิร์ตอยู่แล้ว ( จริงหรือคะ ทัวร์ที่ผ่านมาบ้านเรา เธอเล่นได้ซังกะตายมาก สงสัยจะคิดถึงพี่ Deryck แฟนหนุ่ม ณ ตอนนั้นมากไปหน่อย) วิ่วเลยอยากได้เพลงที่เล่นสดแล้วมันส์ แฟนเพลงก็ปลื้ม เพลงช้า ขอบอกว่า ใส่มาแค่ 3 เพลงเองนะคะ
………………………………………………………………………………………………………
>>>>> นี่เป็นแค่เรื่องราว ข้อมูลคร่าวๆ ของสาววิ่ว Avril Lavigne กับอัลบั้มใหม่ และภาพลักษณ์เดิมๆ ไม่ยอมแก่ของเธอแค่นี้ล่ะค่ะ


" คลิกไปฟังเพลงที่ My Space สีหวาน"








เปิดตัวเจ้าหญิงดิสนี่ย์คนล่าสุด Ashley Tisdale






Label : Warner Music

ถ้าจะพูดถึงสาว [V] Vanessa Hudgens ที่ดังสุดๆ ด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว Baby Come Back ในบ้านเราไปแล้วหนึ่ง สาว ก็ต้องข้ามมาที่อีกหนึ่งสาวหน้าใส โด่งดังมาจากช่องดิสนี่ย์ใน High School Musical เหมือนๆ กัน เธอคนนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งมาที่หลัง แต่สาววัย 21 ปี จากอเมริกาดีกรีนางแบบรายนี้ ขอบอกว่ารุ่นเดียวกับแม่หนู Linsay Lohan และตกรุ่นไปแล้วอย่าง Hilary Duff ศิษย์สำนักทีนดิสนี่ย์เหมือนๆ กัน เรียกได้ว่าหนู Ashley Tisdale เธอมีแมวมองพาเข้าวงการตั้งแต่ 3 ขวบ เพลงก็ออกจะเก๋ไก๋ สีสัน คัลเลอร์ฟูลมากกว่าหนู Vanessa Hudgens มาเสียท่าเอาตรงเปิดตัวทีหลัง แถมชื่อก็โหล สกุลก็เรียกยากนาม Ashley Tisdale ตรงงี้ละมั่ง ต้นสังกัดบ้านเราเลยเข็นยากกว่านิด แต่ว่าไม่ได้เชียวนา ซิงเกิ้ลเปิดตัวของสาวแอชคนนี้ “He Said She Said” น่ะ กำลังมาแรง เก๋ไก๋ได้ใจวัยรุ่นน่าจับตามองเป็นที่ซู๊ด
...............................................................................................................................................
Headstrong คืออัลบั้มเปิดตัวที่ขึ้นถึงอันดับ #5 บิลบอร์ดมาแล้ว ที่มาพร้อมกับ 13 เพลงพ็อพสดใหม่ หวานมันส์ ฝีมือทีมโปรดิวซ์ระดับที่เคยทำเพลงให้กับ Britney Spears, Gwen Stefani, และ Christina Aguilera ซึ่งนอกจากซิงเกิ้ลแรก He Said She Said เพลงคึกคัก เมโลดี้เก๋ไก๋ ที่สาวแอชถ่ายทอดออกมาได้มันส์สุดๆ แล้ว ก็ยังมีแทร็คน่าสนในอัลบั้ม ทั้ง Be Good To Me, Unlove You, Positivity, Over It, Suddenly, Not Like That ซึ่งเจ้าสามเพลงสุดท้ายนี้แหละ สาว Ashley เธอลงมือแต่งเนื้อร้องด้วยตัวเอง ความที่ตั้งใจอยากให้แฟนเพลงที่ฟังได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอผ่านอัลบั้มชุดนี้กันเลยทีเดียว
...............................................................................................................................................


นอกเหนือจากบทบาทการแสดงเป็น Sharpay Evans ในเรื่อง ซึ่งอัลบั้มชุดนี้ก็ขึ้นถึงอันดับ #5 ผ่านตัวเลข : 127,725 เฉพาะในอเมริกาไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียน High School Musical ตอนนี้ก็ตัดออกมาแล้ว 3 ซิงเกิ้ล ไล่เรียงมาตั้งแต่ "Be Good To Me","He Said She Said" ตามติดมาด้วย "Headstrong" ที่เพิ่งถ่ายทำเอ็มวีน่ารักๆ ไป


...............................................................................................................................................


>>> และนี่คือสาวน้อยที่ได้รับการขนานนามให้เป็น “เจ้าหญิงคนล่าสุดของดิสนี่ย์” ที่เรา FF>> พามารู้จักแบบห้ามตกกระแสเด็ดขาด






รู้จักสาวน้อยมาแรง Vanessa Hudgens





Label : EMI


นี่คือสาวน้อยหน้าใส ดาวรุ่งพุ่งแรงคนใหม่ของวงการที่มาแรงแซงโค้งขึ้นเป็นขวัญใจวัยทีนแทนที่หนู Hilary Duff ก็ว่าได้ ไล่มาตั้งแต่บทบาทปรากฏตัวในหนังฮอลลีวู้ดไม่ว่าจะ Thirteen ,Thunderbirds ก่อนที่จะมาโด่งดังขึ้นแป้นขวัญใจวัยรุ่นจากหนังที่ฉายทางช่องดิสนี่ย์ปี 2006 High School Musical ที่กำลังจะเริ่มซีซั่นที่ 2 ในอีกไม่ช้า
.................................................................................................................................................................
>>> สาวน้อยวัย 18 ชื่อเก๋ไก๋จำไม่ยาก Vanessa Hudgens ก็ประสบความสำเร็จไปแล้วเรียบร้อย สมเป็นเด็กรุ่นใหม่ ต้องเอาดีมันให้ครบทุกทางกับอัลบั้มเปิดตัวเรียกสั้นๆ ว่า V ออก released ที่อเมริกาไปเมื่อปลายเดือนกันยา 2006 (U.S.) (ที่อังกฤษ December 4, 2006) ขึ้นสูงสุดบิลบอร์ดอัลบั้มอันดับ #24 ณ เวลานี้ขายไปแล้วมากกว่า 398,127 ก็อปปี้ มีซิงเกิ้ลฮิตอย่าง "Come Back To Me" ฮิตติดลมบนไปเรียบร้อย แถมยังพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 1 ที่คลื่นวิทยุ Met Chart บ้านเราซะด้วย
.................................................................................................................................................................
>>> ล่าสุดน้องวา ก็เตรียมปล่อย "Say OK" ออกมาเป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ท้าให้พิสูจน์ความแรงกับอัลบั้มของเธอกันพูดถึงความแรงของซิงเกิ้ลเปิดตัว Come Back To Me เพลงป็อปใสๆ ที่ตบท้ายความแรงของอัลบั้ม High School Musical ออกอากาศทางช่องดิสนี่ย์เคยมีอัลบั้มซาวนด์แทร็คขึ้นเป็นอันดับ 1 Billboard Chart อยู่ 2 สัปดาห์ ขายไปมากกว่า 3 ล้านแผ่น เรื่องนี้ น้องวา รับบทนำเป็น Gabriella Montez ซึ่งตอนนี้นอกจากจะยุ่งกับการโปรโมทอัลบั้มชุดแรกของตัวเองแล้วยัง busy สุดๆ กับเวลาที่ต้องให้กับ High School Musical 2 ที่คาดว่าจะมีต่อเนื่องไปถึงตอนใหม่ในปีหน้าตั้งชื่อไว้เรียบร้อยว่า Haunted High School Musical
....................................................................................................................................................................
>>> ใครที่ผิดหวังกับนักร้องที่ตัวเองเคยหลงหัวปักหัวปำริมีแฟนแล้วภาพลักษณ์เปลี่ยน จะเริ่มหันมาเปลี่ยนใจเป็นแฟนกับสาวน้อยมากด้วยความสามารถ หน้าตาดีสุดขีด ข่าวคาวยังไม่ค่อยมีมาให้ได้แสลงหูในชื่อของ Vanessa Hudgens คนนี้ก็ยังไม่สายนะจ๊ะ

หนุ่ม Mika เจ้าของอันดับ 1 UK."Grace Kelly"





Label : Universal
นี่คืออัลบั้มเพลงป็อปที่จะทำให้โลกของคุณสดใสทุกๆ วันแน่นอน ต้นสังกัด Universal ฟันธงมาด้วยประการฉะนี้ หลังจากมือขึ้นตัดสินใจถูกเข็นหนุ่มหัวหยิก James Morrison เจ้าของเพลง You Give Me Something ดังไปทุกคลื่นแล้ว คราวนี้เล็งหนุ่มหัวหยิกอีกแล้วครับทั่น
................................................................................................................................................................
เมื่อเร็วๆ นี้ ใครที่คลิกเข้าไปอัพเดทอันดับ 1 UK Single ชาร์ต เจอะเจอเจ้าเพลงที่มีชื่อว่า Grace Kelly และศิลปินเจ้าของเพลงนาม Mika ก็อย่าได้แปลกใจว่ามีลูกครึ่งหรือสาวญี่ปุ่นไปติดชาร์ตที่นั่นแต่อย่างใด อันว่าหนุ่มหน้ามล คนหัวหยิกวัย 23 นายนี้คือมีชื่อว่า Mika (อ่านว่า “มีค่า” นะจ๊ะ โฮ่ะๆ ไม่ได้ชื่อไร้ค่า) เป็นหนุ่มสัญชาติอังกฤษ เกิดที่เลบานอน เติบโตปารีส ย้ายมาลอนดอน กะลังอ็อตเหลือหลาย ด้วยความที่มีลีลาและน้ำเสียงเจริญรอยตามศิลปินรุ่นพี่ไม่ว่าจะเป็น Freddie Mercury นักร้องนำวง Queen ผู้ล่วงลับ หรือจะกลุ่มแต๋วแหวว Scisstor Sisters บวกด้วยลีลาการร้องที่เก๋ไม่ซ้ำแบบ ตบด้วยแนวแนวหนุกหนานหยับแข้งหยับขา
..............................................................................................................................................................
นอกจากซิงเกิ้ลที่เปิดตัวแรงขึ้นอันดับ 1 แล้ว อัลบั้มที่ใช้ชื่อว่า Life In Cartoon Motion ยังอัดแน่นด้วยเพลงน่ารัก เต็มไปด้วยสีสันเช่นเดียวกับหน้าปกเลยแหละ ไล่เลียงมาตั้งแต่ซิงเกิ้ลอันดับ 1 Grace Kelly ต่อด้วยเพลง Relax อินโทรได้ใจคอเพลงยุค 80’s ที่หยิบท่อนเด็ดเพลง I Just Die In Your Arms Tonight ของวง Cutting Crew มาเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ รุ่นใหญ่ หรือจะ Billy Brown ที่ว่าด้วยเรื่องของชีวิตของเกย์ Love Today ก็จังหวะน่ารักไม่เบา อ้อ หนุ่ม”มีค่า” เค้าแต่งเพลงเองด้วยน๊า อย่างว่าแหละของถนัด ก็เล่นขีดๆ เขียนๆ แต่งเพลงเก็บไว้มาตั้งแต่ยังรุ่นๆ แล้ว ทำไมน่ะเหรอ? หนุ่มมีค่าบอกไม่ใช่อยากเด่นอยากดังอะไร แต่นี่คือวิธีบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองอีกทางหนึ่งต่างหาก Mika ยังฝากบอกมาอีกด้วยว่า ถ้าเกิดว่าคนใกล้ชิดหรือคนรู้จักที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะมามีเรื่องราวอยู่ในอัลบั้ม'Life In Cartoon Motion' ชุดแรกของเค้าเนี่ย มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ
##############
>>> มีเรื่องบอกอีกเรื่อง แทร็คที่ชื่อ Love Today ในอัลบั้มยังเป็นเพลงที่ถูกนำไปใช้ในโฆษณาโทรศัพท์ Motorola(red) อีกด้วย